บทความยั่วน้ำลาย



วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ยำหมูทอดแดดเดียว เคี้ยวหนึบอร่อยปาก / กุ๊กเล็ก



เวลาที่ซื้อเนื้อหมูมาทำอาหาร แล้วปรากฏว่าซื้อเนื้อหมูมาเยอะเกินไปแล้วก็เหลือขึ้นมา “กุ๊กเล็ก” มักนำเนื้อหมูมาถนอมอาหาร โดยนำมาทำเป็นเนื้อหมูแดดเดียว ที่เก็บไว้กินได้นาน แล้วก็ยังทำไปทำเมนูที่น่ากินได้อีก อย่างในมื้อนี้เราขอนำเสนอเมนู “ยำหมูทอดแดดเดียว” จะทำมากินเป็นกับแกล้มก็ได้ กินกับข้าวก็ดี เอาเป็นว่าเข้าครัวไปลงมือปรุงกันดีกว่า




เวลาที่ซื้อเนื้อหมูมาทำอาหาร แล้วปรากฏว่าซื้อเนื้อหมูมาเยอะเกินไปแล้วก็เหลือขึ้นมา “กุ๊กเล็ก” มักนำเนื้อหมูมาถนอมอาหาร โดยนำมาทำเป็นเนื้อหมูแดดเดียว ที่เก็บไว้กินได้นาน แล้วก็ยังทำไปทำเมนูที่น่ากินได้อีก อย่างในมื้อนี้เราขอนำเสนอเมนู “ยำหมูทอดแดดเดียว” จะทำมากินเป็นกับแกล้มก็ได้ กินกับข้าวก็ดี เอาเป็นว่าเข้าครัวไปลงมือปรุงกันดีกว่า

ส่วนผสมสำหรับทำหมูแดดเดียวมีดังนี้

หมูเนื้อแดง 3 ขีด
กระเทียม 1 หัว
รากผักชี 3 ราก
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดหมู

ส่วนผสมเครื่องยำ

น้ำตาล 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนู 6-7 เม็ดบุบพอแตก
กระเทียม 1 หัวสับละเอียด
หอมหัวใหญ่หั่น 1 หัว
มะเขือเทศหั่น 1 ลูก
แครอทหั่นเป็นท่อนๆ 1 ช้อนโต๊ะ
กะหล่ำปลีสีม่วงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ขึ้นฉ่ายหั่น 1 ต้น
ผักกาดหอม (เอาไว้รองจาน)

สำหรับวิธีการปรุง เริ่มจากมาทำหมูแดดเดียวกันก่อน โดยนำเนื้อหมูมาล้างให้สะอาด แล่เป็นชิ้นหนาประมาณ 1 ซม. แล้วพักทิ้งไว้ หันมาโขลกกระเทียม รากผักชี ให้ละเอียดเข้าด้วยกัน

จากนั้นคลุกเคล้าเนื้อหมูกับน้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาล งาขาว พริกไทยป่น และกระเทียม รากผักชีที่โขลกไว้ให้เข้าด้วยกัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำไปตากแดด 1 วัน

เมื่อได้หมูแดดเดียวที่ตากแดดไว้ 1 วันแล้ว ก็ให้นำหมูมาทอดในน้ำมันร้อนๆ จนหมูสุก แล้วซับน้ำมันออก ก่อนจะนำมายำคลุกเคล้ารวมกับส่วนผสม ใส่น้ำตาล น้ำมะนาว น้ำปลา พริกขี้หนู กระเทียม และใส่หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ แครอท กะหล่ำปลีสีม่วง และขึ้นฉ่าย เป็นอันว่าเสร็จตักใส่จาน ที่รองด้วยผักกาดหอมไว้แล้ว เท่านี้ก็ได้อร่อยกับ “ยำหมูทอดแดดเดียว” กันแล้ว



ที่มา : กุ๊กเล็ก Manager online

อ่านต่อ..

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อาหาร (ชวนอ้วน) ที่ต้องกินยามลดน้ำหนัก



เพราะอาหารที่คุณคิดว่ามันทำให้อ้วนนั้น บางอย่างก็ควรและจำเป็นต้องรับประทาน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงลดน้ำหนักอยู่ก็ตาม มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

หลายคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ด้วยการงดอาหารที่ให้พลังงานหรือไขมันสูงทุกชนิด ชนิดที่ว่าเมนูไหนอ้วนจะไม่แตะต้องเลย เช่น งดรับประทานเนื้อสัตว์ แป้ง รับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีต้ม นึ่ง ลวกเท่านั้น จะว่าไปการเคร่งครัดขนาดนี้ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพในระยะยาว





เพราะอาหารที่คุณคิดว่ามันทำให้อ้วนนั้น บางอย่างก็ควรและจำเป็นต้องรับประทาน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงลดน้ำหนักอยู่ก็ตาม มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

หลายคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ด้วยการงดอาหารที่ให้พลังงานหรือไขมันสูงทุกชนิด ชนิดที่ว่าเมนูไหนอ้วนจะไม่แตะต้องเลย เช่น งดรับประทานเนื้อสัตว์ แป้ง รับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีต้ม นึ่ง ลวกเท่านั้น จะว่าไปการเคร่งครัดขนาดนี้ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพในระยะยาว

เนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์เป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด ที่ธัญพืชหรือผักบางชนิดไม่สามารถให้ได้ แต่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าขณะลดน้ำหนักควรงดหรือรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด ซึ่งในระยะยาวไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแน่ โดยเฉพาะการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
ดังนั้นการรับประทานเนื้อสัตว์จึงไม่ผิดต่อหลักการควบคุมน้ำหนักของคุณ ข้อดีคือ ทำให้รู้สึกอิ่มและอยู่ท้องได้นาน ทำให้ลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องทนทรมานกับความหิวพาลให้รับประทานอาหารจุกจิก ซึ่ง Commonwealth Scientific Industrial Research Organization เปิดเผยงานวิจัยหนึ่งที่ทดสอบการลดน้ำหนักของหญิงออสเตรเลียน 100 คนพบว่า หญิงที่รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไร้มันสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าหญิงที่รับประทานอาหารเน้นแป้งมากกว่าเนื้อสัตว์

ทั้งนี้คนที่ควบคุมน้ำหนักจำเป็นต้องเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่เหมาะสม เช่น เนื้อปลา เนื้อเป็ด เนื้อไก่ที่ไม่ติดหนัง ซึ่งวัยทำงานควรรับประทานเนื้อสัตว์ให้ได้วันละ 9 ช้อนกินข้าว ทั้งนี้อาจแบ่งสัดส่วนนี้รับประทานเต้าหู้ขาวหรือผลิตภัณฑ์จากนมพร่องมันเนยต่างๆ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน และถั่วด้วยก็ได้เพื่อร่างกายได้รับกรดอะมิโนและโปรตีนที่หลากหลาย แต่การรับประทานถั่วควรจำกัดปริมาณประมาณ 1 อุ้งมือต่อสัปดาห์ เพราะถั่วส่วนใหญ่จะให้พลังงานและไขมันสูง

ลองเปลี่ยนการหลีกเลี่ยงรับประทานหมูย่างหรือปีกไก่ย่าง มาเป็นปลาช่อนย่าง หรืออกไก่นึ่งแทน

ข้าว เส้น ขนมปังต่างๆ
อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งให้พลังงานแก่ร่างกายที่สำคัญ เพราะว่าแต่ละวันเราต้องเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะใช้พลังงานมากหรือน้อยก็ต้องมีอาหารประเภทนี้ไว้เป็นเชื้อเพลิงให้ร่างกายเอาไปใช้ แต่คนควบคุมน้ำหนักส่วนใหญ่จะงดอาหารประเภทนี้เป็นอันดับแรกในใจ เพราะคิดว่าถ้ารับประทานเข้าไป ร่างกายจะย่อยสลายเปลี่ยนเป็นน้ำตาลไปสะสมตามร่างกายกลายจนเป็นไขมันในที่สุด ซึ่งเป็นความจริงบางส่วน แต่ไม่ได้หมายความว่าอาหารคาร์โบไฮเดรตทุกชนิดจะมีระบบเผาผลาญแบบนี้เสียหมด ดังนั้นถ้างดอาหารหมวดนี้ไปอาจจะส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย การรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ทำให้อ้วนและดีต่อสุขภาพของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานคือ ข้าวหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เส้นหมี่ข้าวกล้อง ส่วนขนมปังก็ต้องเป็นขนมปังโฮลวีท ซึ่งมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ

การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวาน และสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอยู่แล้วก็จะสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำจะทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น โดยปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อมื้อสำหรับคนทำงานที่กำลังลดน้ำหนักคือ 1 ทัพพี

ลองเปลี่ยนการงดรับประทานข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวผัดทั่วไป มาเป็นข้าวกล้องคลุกน้ำพริกปลาย่าง หรือ ก๋วยเตี๋ยวบกเส้นหมี่ข้าวกล้องแทน

ไขมัน
เป็นอาหารหมวดที่น่าน้อยใจที่สุด เพราะคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักมักหลีกเลี่ยงหรืองดมากที่สุด เพราะเชื่อว่าจะทำให้อ้วน ทั้งนี้แม้ว่าไขมันส่วนใหญ่จะให้พลังงานสูง ( 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 45 กิโลแคลอรี) แต่ร่างกายก็ยังจำเป็นต้องได้รับไขมันเหล่านี้ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินต่างๆ รวมถึงการสร้างเซลล์ประสาทอีกด้วย

ประเภทของไขมันที่ดีต่อร่างกายและควรรับประทานคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Monounsaturated Fatty Acid) น้ำมันมะกอกมีดัชนีสูงสุดเมื่อเทียบกับน้ำมันพืชอื่นๆ จากผลวิจัยพบว่าการรับประทานน้ำมันมะกอกสามารถช่วยลดโคเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้ (LDL-C) ส่งผลดีต่อหัวใจ รองลงมาได้แก่ น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน นอกจากนี้ยังน้ำมันที่ได้จากสัตว์ตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ก็คือ น้ำมันปลา หรือเนื้อปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ที่มีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหัวใจและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ เจ้าไขมันในเลือดที่มาพร้อมกับโคเลสเตอรอล
ตรงกันข้ามคุณควรหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว (Saturated Fatty Acid) ซึ่งพบในไขมันสัตว์และไขมันพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว (กะทิ) หรือกรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acid) ที่จะเพิ่มโคเลสเตอรอลที่ไม่ดีให้สูงขึ้น (HDL-C) ดังนั้นครั้งต่อไปก่อนจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารใดๆ ก็ควรสังเกตฉลากสารอาหารและมองหาคำเหล่านี้ว่ามีปริมาณมากหรือน้อยเพียงใด สำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักแนะนำให้รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวไม่เกินวันละ 2 ช้อนชา

ลองเปลี่ยนการรับประทานอาหารนึ่ง ต้ม ลวกแบบจำเจ มาเป็นสลัดผักสดเนื้อไก่ฉีกหรือปลาทูน่าราดน้ำมันมะกอกกับบัลเซมิค นอกจากอร่อยแล้วยังเติมสารอาหารให้กับร่างกายได้ดีด้วย

ถึงแม้การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักจะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องโบกมือลาอาหารที่คิดว่ารับประทานแล้ว อ้วน ตลอดชีวิต เพราะร่างกายยังจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงและสร้างสมดุลกับการทำงานของอวัยวะต่างๆ อยู่ นึกแบบนี้แล้วก็เลือกกินและรู้จักออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ

เกร็ดน่ารู้ : การรับประทานผักและผลไม้มากๆ ช่วยให้ระบบขับถ่ายและลำไส้ทำงานได้เป็นปกติ กากใยของผักและผลไม้ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ แต่ต้องจำกัดการรับประทานผักประเภทหัว ที่มีแป้งมากเช่นพืชตระกูลหัว ได้แก่ ฟักทอง เผือก มัน แห้ว เกาลัด หรือยอดผักที่มีสารพิวรีน ทำให้กระตุ้นเสี่ยงเป็นโรคเกาท์ได้ เช่น ยอดกระถิน ชะอม ใบตำลึง ส่วนผลไม้ควรหลีกเลี่ยงประเภทที่มีน้ำตาลสูง เช่น ทุเรียน ละมุด ลำไย ขนุน ลิ้นจี่ เป็นต้น



ที่มา : นิตยสาร Health Today

อ่านต่อ..

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

“นามู” อาหารเกาหลี รสดีต้นตำรับ



“อัน ยอง ฮา เซโย” เสียงทักทายเป็นภาษาเกาหลี แปลว่าสวัสดี ดังต้อนรับ “ตระเวนกิน” ทันทีเมื่อเราเปิดประตูเข้ามายังร้านอาหารแห่งนี้ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า “นามู” (Namoo) แปลว่าต้นไม้ ซึ่งในมื้อนี้เราเลือกที่จะขอมาอิ่มกับอาหารเกาหลีกัน


“อัน ยอง ฮา เซโย” เสียงทักทายเป็นภาษาเกาหลี แปลว่าสวัสดี ดังต้อนรับ “ตระเวนกิน” ทันทีเมื่อเราเปิดประตูเข้ามายังร้านอาหารแห่งนี้ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า “นามู” (Namoo) แปลว่าต้นไม้ ซึ่งในมื้อนี้เราเลือกที่จะขอมาอิ่มกับอาหารเกาหลีกัน

ต้องบอกว่ากระแสเกาหลีฟีเวอร์ในบ้านเรานั้นยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย และร้านอาหารเกาหลีเกิดใหม่ก็พากันเปิดให้บริการตามกระแสเช่นกัน อย่างร้าน”นามู” ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในร้านอาหารเกาหลีน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน โดยตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารเกาหลีที่มีความน่าสนใจ ตรงที่ ที่ร้านนี้บริการอาหารเกาหลีแบบหลากหลาย และมีรสชาติแบบต้นตำรับเกาหลีแท้ๆ




เพราะด้วยความที่เจ้าของร้านคือคุณ อลิส ลี นั้นเธอมีสามีเป็นชาวเกาหลี และทั้งคู่ก็รักในการทำอาหาร จึงได้ร่วมใจกันเปิดเป็นร้านอาหารเกาหลีนามูแห่งนี้ขึ้นมา และก็ยังมีเชฟเกาหลีมาปรุงอาหารเกาหลีขนานแท้ให้ได้เลือกชิมกัน อีกทั้งที่นี่ยังถือว่าเป็นอาหารเกาหลีเพื่อสุขภาพก็ว่าได้ เพราะว่าทางร้านคัดเลือกแต่วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ และที่สำคัญไม่ใส่สารกันบูด และผงชูรสด้วยในการปรุงอาหาร



สำหรับเมนูอาหารเกาหลีจานเด่นของร้านนามูที่ชวนลิ้มรสนั้นมีมากมาย อย่างเมนูแรกขอแนะนำ เฮมุลพาจอน (199 บาท) ก็คือพิซซ่าทะเลแบบเกาหลี เป็นแป้งที่ทางร้านผสมปรุงรสชาติ และใส่ซอสเกาหลีมาแล้ว พร้อมกับใส่ไข่ไก่ และต้นหอมด้วย และก็มีอาหารทะเลทั้ง กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ ใส่ลงไป ก่อนจะนำไปทอดบนกระทะจนแป้งสุก แล้วจึงโรยหน้าด้วยงาขาวกับงาดำ เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสพิซซ่าแป้งบางเนื้อในนุ่ม สัมผัสได้ถึงรสชาติที่เข้ากันของเครื่องทะเล และแป้งนุ่มๆ ที่มีต้นหอมด้วย กินคู่กับน้ำจิ้มที่ทางร้านทำเองมีส่วนผสมของน้ำมันงา งาดำและงาขาว ช่วยเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว แถมหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ



ต่อมาเป็นอาหารจานเส้น ชื่อว่า จาจังเมียน (129 บาท) หรือบะหมี่ซอสดำยอดนิยม ที่ถ้าใครได้ดูซีรีย์เรื่องคอฟฟี่ปริ๊นซ์ เป็นต้องรู้จักกับเมนูจาจังเมียงนี้ จาจังเมียนของที่นี่เป็นเส้นบะหมี่อูด้งที่ทางร้านทำเองแบบวันต่อวัน แล้วนำเส้นมาต้มจนสุก แล้วราดด้วยซอสดำที่นำเข้ามาจากเกาหลี นำมาผัดรวมกับมันฝรั่ง กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ เสร็จแล้วนำมาราดบนเส้นอูด้ง ตกแต่งด้วยแตงกวาญี่ปุ่น โรยด้วยงาดำกับงาขาว เวลากินจาจังเมียนต้องคลุกให้เส้นเข้ากับซอสดำน้ำขลุกขลิก กินเส้นอูด้งเหนียวนุ่มชุ่มซอสดำออกรสหวานนำ



จากเมนูเส้นมากินเมนูข้าวกันบ้าง อย่าง บลูโกกิท็อปปั๊บ (169 บาท) เป็นเนื้อหมักซอสเกาหลีราดข้าว ทางร้านเลือกเนื้อวัวส่วนสะโพกไม่ติดมัน นำมาผัดกับซอสเกาหลี ใส่กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ พริกหยวก และกระเทียม ผัดแบบมีน้ำขลุกขลิก มาพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ชิมรสชาติเนื้อเคี้ยวนุ่มหนึบซึมรสชาติซอสที่กลมกล่อมปาก



เมนูถัดมาคือ เจยุกท็อปปั๊บ (169 บาท) หมูผัดซอสพริกเกาหลีราดข้าว เป็นเนื้อหมูส่วนสะโพกไม่ติดมัน นำมา ผัดกับกะหล่ำปลี หอมใหญ่ พริกหยวก และซอสพริกเกาหลี แล้วก็โรยหน้าด้วยงาดำกับงาขาว กินกับข้าวสวยร้อนๆ เนื้อหมูนุ่มได้รสชาติซอสพริกออกเค็มๆ หวานๆ



โทลโซบีบิมปั๊บ (169 บาท) หรือข้าวยำเกาหลีหมูกระทะร้อน เป็นอีกหนึ่งเมนูข้าวที่ขายดีของทางร้าน เป็นข้าวเกาหลีที่มาพร้อมกับผักหลายอย่าง มีแครรอท ซูกินี่ มะเขือม่วง ถั่วงอก ผักกาดหอม มีหมูสับใส่มาด้วย และราดด้วยน้ำมันงา แถมมีไข่ดาวโป๊ะหน้ามาด้วย และมีซอสเกาหลีที่ปรุงรสชาติมาแล้วใส่มาอีกด้วย เสิร์ฟมาในกระทะร้อนๆ เวลากินก็ต้องคลุกเครื่องทั้งหมดที่ใส่มาให้เข้ากัน ลิ้มรสชาติแล้วต้องบอกว่าเครื่องทุกอย่างเข้ากันกับข้าวเป็นรสชาติที่ลงตัวกลมกล่อม



ส่งท้ายมื้อด้วยเมนูซดน้ำซุปร้อนๆ อย่าง ซุนทูบูจิเกะ (159 บาท) เป็นซุปกิมจิทะเล ที่ทางร้านทำกิมจิผักกาดขาวเอง แล้วนำมาต้มกับน้ำซุปปลาแห้ง และปรุงรสชาติ พร้อมกับใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยลาย เห็ดหูหนูดำ เต้าหู้ ชิมรสชาติซุปกิมจิออกเผ็ดลิ้นนิดๆ

และนอกจากเมนูจานเด่นทั้งหลายนี้แล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูเกาหลีอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ แฮมุลคัลกุ๊กซู (149 บาท) เป็นบะหมี่หั่นมือทะเล โอชิงออโปกกึม (199 บาท) คือปลาหมึกผัดซอสพริกเกาหลี จังโปง (159 บาท) เป็นบะหมี่ซอสเผ็ด หมูย่างเกาหลี (เป็นเซ็ท 350 บาท) และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ที่ถ้าใครเป็นสาวกเกาหลี และชื่นชอบอาหารเกาหลี ก็อยากให้มาลองชิมอาหารเกาหลีรสดีกันได้ที่ร้าน “นามู”


ร้าน “นามู” (Namoo) ตั้งอยู่ที่ 62 ถ.พระอาทิตย์ ชนะสงคราม พระนคร กทม. การเดินทางจากแยกบางลำพู ตรงมาที่ถ.พระอาทิตย์ เลยบ้านพระอาทิตย์มาสักหน่อย จะเห็นเซเว่นอีเลฟเว่นตรงปากซอยรามบุตรี ตรงมาอีกประมาณ 50 ม. จะเห็นร้านนามูตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จุดสังเกตเป็นตึกที่ทาสีม่วงและอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าFAO เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. ทางร้านรับจัดงานเลี้ยงด้วย โทร. 08-7345-0018

ที่มา : เมเนเจอร์ออนไลน์

อ่านต่อ..

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อร่อยเจ รสแซ่บ....ร้านธรรมเกิดทรัพย์

ปลารมควัน

กินเจปีนี้ตรงกับช่วงวันที่ 17-26 ตุลาคม ใครที่เป็นขาประจำกินเจก็คงเตรียมตัวเตรียมใจกันไว้แล้ว แต่เรื่องเตรียมที่จะไปกินร้านไหนบ้างนั้น ขออนุญาตแนะนำร้านที่ขายอาหารเจเก่าแก่มานานกว่า 60 ปีที่ชื่อว่า...ร้านธรรมเกิดทรัพย์



ปลารมควัน

กินเจปีนี้ตรงกับช่วงวันที่ 17-26 ตุลาคม ใครที่เป็นขาประจำกินเจก็คงเตรียมตัวเตรียมใจกันไว้แล้ว แต่เรื่องเตรียมที่จะไปกินร้านไหนบ้างนั้น ขออนุญาตแนะนำร้านที่ขายอาหารเจเก่าแก่มานานกว่า 60 ปีที่ชื่อว่า...ร้านธรรมเกิดทรัพย์


ฟังชื่อร้านแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นร้านขายสังฆภัณฑ์ คือว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารที่เปิดมานานแล้ว เดิมเป็นห้องแถวไม้อยู่แถวปากตรอกวัดใหญ่ศรีสุพรรณ ร้านนี้ดังตั้งแต่ขายเป็ดเฉโป (ซึ่งปัจจุบันหากินได้ยากแล้ว) ต่อมาย้ายมาอยู่ที่ปากซอยเพชรเกษม 32
ตอนนี้ทายาทที่สืบทอดฝีมืออาหารมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว ชื่อ ลั้ง-วิภาดา กมลทิพย์ ซึ่งก็ยังคงรักษาสูตรเมนูเด็ดของบรรพบุรุษเหมือนเดิม และที่พิเศษคือร้านนี้จะขายอาหารเจทั้งปี มีทั้งเมนูอาหารไทยและจีนให้เลือกมากมายอีกด้วย คุณลั้งบอกว่า ทางร้านจะเลือกวัตถุดิบคุณภาพมาทำอาหารเจ โดยเฉพาะ “หมี่กึง” ที่ทำเป็นรูปเนื้อสัตว์นั้น ทางร้านจะต้องสั่งตรงจากไต้หวัน เพราะเป็นของคุณภาพดีที่สุดที่ทำได้เหมือนของจริงทั้งหน้าตาและรสชาติ
เมนูเจเด็ดๆ ที่ต้องเลือกสั่ง อาทิ ปลาหิมะนึ่งบ๊วย (ชิ้นละ 200 บาท) ดูด้วยตาแล้วเหมือนปลาหิมะมากๆ เนื้อขาวจั๊วะตัดกับหนังปลาสีดำน่ากินทีเดียว มีผักคึ่นฉ่าย ขิงซอย เห็ดหอมและหมูสามชั้นเจียวโรยอยู่ด้านบน หอมกลิ่นบ๊วยผสมเห็ดหอมและซีอิ้วที่ราดบนเนื้อปลา แถมน้ำจิ้มซีฟู้ดสามรสแซ่บอย่าบอกใคร ทำให้ปลาจานนี้ยิ่งอร่อยจนลืมเนื้อปลาของจริงทีเดียว


จานนี้ก็เด็ด... ปลารมควัน (100 บาท) หน้าตาเป็นชิ้นปลาที่นำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ มีทั้งเนื้อ-หนังและมัน วางเรียงแผ่มาเต็มจาน แถมน้ำจิ้มแบบแจ่วมาให้ด้วย ทดสอบกินแบบไม่ต้องจิ้มแจ่วจะได้กลิ่นหอมของปลารมควันจริงๆ และรสชาติมันติดลิ้น ถ้าชอบรสแซบให้จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดจะแซ่บกว่านี้
ยำปลาดุกฟู (80 บาท) จานนี้มองแล้วเหมือนของจริงเช่นกัน ทางร้านจะทำสูตรลับเนื้อปลาดุกปลอมขึ้นมาเอง ซึ่งทอดน้ำมันแล้วทั้งฟู ทั้งกรอบ ยิ่งได้ถั่วลิสงทอดใหม่ๆ ราดด้วยน้ำจิ้มแบบยำมะม่วงรสเปรี้ยวหวาน เผลอกินเพลินๆ หมดจานโดยไม่รู้ตัว
น้ำตกขาหมู (80 บาท) เป็นสูตรส้มตำน้ำตกที่ใส่ข้าวคั่ว แต่ใช้ขาหมูเทียมเนื้อสีชมพูเป็นเส้นเหมือนจริงๆ ติดหนังติดมัน หั่นเป็นชิ้นบางๆ นำไปคลุกกับเครื่องน้ำตก ขอบอกก่อนว่า อาหารยำของร้านนี้ออกรสแซบถึงทรวงจริงๆ คือทั้งเปรี้ยว-เค็ม-เผ็ด กินแล้วต้องเรียกหาข้าวเหนียวร้อนๆ มาช่วย



หมูกระเทียมพริกไทย (60 และ 100 บาท) เจจานนี้สั่งแล้วไม่ต้องตกใจ เพราะทั้งหมูและกระเทียมที่คั่วมาแบบเหลืองกรอบนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งนั้น แต่เหมือนของจริงจนจับผิดไม่ได้
ปลาสำลีแดดเดียว (80 บาท) เป็นหมี่กึงที่ทำเป็นรูปปลานำไปชุบแป้งทอดกรอบนอก เวลาหั่นเป็นชิ้นๆ จะเห็นเนื้อปลายุ่ยๆ ตัดกับสีของแป้งทอด แถมด้วยผักชุบแป้งทอด จานนี้มีตัวช่วยเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน 3 รส ช่วยให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น

ในวันที่ 17-26 ตุลาคมนี้ ร้านนี้จะคึกคักจนแทบไม่ได้นอน ลูกค้าเจขาประจำจะแวะเวียนมากิน เพราะจะขายแต่อาหารเจทั้งหมด โดยเปลี่ยนภาชนะ เครื่องใช้ทั้งร้านที่เตรียมสำหรับอาหารเจโดยเฉพาะ เพื่อความสะอาด ซึ่งนอกจากจะมีอาหารตามสั่งแล้ว ในแต่ละวันยังมีอาหารสำเร็จรูปทำเป็นหม้อๆ กว่า 20 อย่าง ตักใส่ถุงขายอยู่หน้าร้าน

ช่วงเทศกาลเจปีนี้ อย่าลืมแวะไปลองลิ้มชิมอาหารเจรสแซบได้ที่ ร้านธรรมเกิดทรัพย์ ปากซอยเพชรเกษม 32 ไปไม่ถูกโทรไปถามทางได้ที่ 0-2467-3113









ที่มา : เดลินิวส์


อ่านต่อ..

หลากอาหารสเปน อร่อยเนื้อแฮมรมควันนุ่มลิ้น








ไม่นานมานี้ ผมได้ไปทานอาหารที่กรุงลอนดอน โดยปกติแล้วผมจะไปลอนดอนปีหนึ่ง ก็หลายครั้งพอสมควรครับ เพราะว่าผมโตที่นั่น อีกทั้งผมยังมีคุณแม่ที่เป็นฝรั่งที่ผมได้ไปอาศัยบ้านท่านอยู่ ซึ่งตอนนี้ท่านมีอายุราว 80 ปี เท่า ๆ กับคุณแม่แท้ ๆ ของผมครับ แต่ท่านเป็นคนแข็งแรงมากเหมือนกับคุณแม่แท้ ๆ ของผมเลยครับ และท่านบอกกับผมไว้เสมอว่า ถ้าผมกลับมาที่ลอนดอนเมื่อไหร่ให้ผมโทรศัพท์มาบอกจะได้ ไม่ต้องไปพักที่โรงแรมให้มาพักที่บ้านท่าน และพักห้องเดิม เมื่อครั้งที่ผมเคยนอนอยู่ที่นั่น แม่ของผมคนนี้เป็นคนน่ารักอย่างนี้ล่ะครับ ทั้งสองคน ทั้งแม่ฝรั่งและแม่ไทยครับ

ผมไปที่ลอนดอนครั้งนี้ไปทำธุระครับ เมื่อไปถึงแล้วก็ต้องหาอะไรกิน ผมได้ไปกินอาหารสเปน ซึ่งที่นั่นนับเป็นอาหารที่เขานิยมกินกันมากพอสมควรครับ อาหารแบบนี้จะเรียกว่า ทาปัส (Tapas) เป็นอาหารที่คนสเปนกินกันตอน กลางคืน ตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ หลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

คนที่อยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียน เขาจะนอนกลางวันกันครับ เพราะเขาจะทำงานกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงเที่ยง เสร็จแล้วจะกินข้าวกลางวัน เมื่อกินเสร็จแล้วเขาก็จะนอน ซึ่งเรียกว่า เซียสต้า (Siesta) เป็นการนอนพักกลางวันหลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

จากนั้น เขาจะกลับมาทำงานใหม่อีกครั้งในตอนบ่ายสี่โมงเย็น แล้วกว่าจะเลิกก็ราว ๆ 2 ทุ่มน่ะครับ หลังจากที่เขาเลิกงานตอน 2 ทุ่มแล้ว เขาจะแวะไปหาอะไรกินก่อนที่จะกลับบ้าน โดยมากแล้วที่นั่นจะไม่ค่อยมีผับ แต่เป็นแหล่งที่ไปกินทาปัส ซึ่งก็คือร้านที่มีอาหารเป็นจานเล็ก ๆ เสิร์ฟครับ กินได้แค่ 2 คนครับ แบ่งกันกินแล้วสั่งมาหลาย ๆ อย่าง เป็นจานเล็ก ๆ กินกับไวน์ หรือ กินกับเหล้าเชอรี่ เพราะว่า สเปนเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการผลิตเชอรี่มาก

คราวนี้ผมเลยอยากจะเป็นคนสเปนเหมือนกันครับ ผมจึงไปกินอาหารกลางวันที่ ร้านเทียร่า บรินดิซ่า ลอนดอน (Tierra Brindisa London) อาหารอร่อยมากครับ ผมชอบวิธีการทำอาหารของเขา ผมสั่ง ซี่โครงแกะย่าง มากิน ชิ้น เล็ก ๆ อร่อยมากครับ แย่งกันกินกับน้องชายผม จานต่อมาเป็น ชีสที่ทำจากนมแพะเอาไปชุบแป้งทอด เสร็จแล้วราดด้วยน้ำผึ้ง รสชาติเค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินกับไวน์แดงดี ๆ อร่อยมากครับ

จานต่อไปเป็น ตับไก่ ที่เขาไปนาบกับแป้งเล็กน้อย ใส่เครื่องเทศ ใส่เกลือ แล้วเอาไปผัดกับเนย หรือว่าน้ำมันมะกอก เสิร์ฟบนขนมปังปิ้ง ที่ทาด้วยน้ำมันมะกอก จานนี้เหมือนกินแซนด์วิชหน้าตับบดครับ ตับไก่ของที่ร้านนี้อร่อยมาก ๆ ครับ ยังมี สันในแกะย่าง ชิ้นเล็ก ๆ ที่หั่นหนาพอสมควร ยังแดง ๆ อยู่เลยครับ อร่อยเช่นกันครับ

ความจริงแล้วคนปกติจะกินกันประมาณ 3-4 อย่าง แต่ผมไม่ได้เลยครับ เมื่อผมเข้าไปในร้านผมเริ่มสั่ง เนื้อแฮมรมควัน ที่เขาสไลด์มากินเป็นจานแรก ซึ่งเนื้อแฮมรมควันนี้เป็นของที่มีชื่อเสียงที่สุดของสเปนเลยนะครับ มีคุณภาพที่ดีและอร่อยเหลือเกินครับ เขาจะสไลด์ มาให้ เราก็จะกินกับขนมปัง หรือกินเปล่า ๆ หรือจะกินกับผักดอง เป็นแตงกวาลูกเล็ก ๆ ที่เขาเอาไปดองให้เปรี้ยวก็ได้ครับ แล้วแต่ว่าจะชอบกินกับอะไร

จากนั้นยังไม่พอนะครับ ผมยังสั่ง ปลาทอดกับไส้กรอกสเปน ที่เรียกว่า โชรีโซ่ (Cho- rizo) จานนี้ก็อร่อยครับ แย่งกันกินกับน้อง ถึงตรงนี้กินกันไปประมาณ 6-7 อย่างแล้วนะครับ ผมยังต่อด้วย สเต๊กเนื้อสันในกับชีสของสเปน ที่เขาเอามาละลายข้างบน กินเข้าไปแล้วคงทำให้เส้นเลือดของผมตีบไปด้วยไขมัน ถ้าได้กินไวน์เข้าไปเล็กน้อยจะทำให้เรามีความสุขมากครับ เพราะว่าในไวน์ที่เรากินเข้าไปจะช่วยไปละลายไขมันในตรงนั้นได้ด้วยครับ

แล้วผมก็จบด้วย ไอศ กรีม ที่เขาทำเอง เขาใช้เครื่องทำ 1 นาที ออกมา 1 ถ้วย ทานได้เลยครับ เราจะทำเป็นรสอะไรก็ได้ครับ อิ่มหนำสำราญ พร้อม ๆ กับหน้าตึง ๆ เพราะ 2 คน กินไวน์เข้าไปมากพอสมควร ถ้าใครไปลอนดอนก็แวะไปที่นี่นะครับ สัปดาห์หน้าผมจะพาไปกินอีกแห่งหนึ่ง แล้วผมจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ.

เข้าครัวกับหมึกแดง

ทาโร่อบกับยำอโวคาโด้

เครื่องปรุง

-ปลาเส้นตราทาโร่ รสเข้มข้น 72 กรัม

วิธีทำ

1.นำปลาเส้นตราทาโร่ ผูกให้เป็นปมหลวม ๆ ผูกทบไปมาจนหมดเส้น พักไว้

2.ในภาชนะทนความร้อน นำปลาเส้นที่ผูกไว้ วางเรียง แล้วนำเข้าเตาอบไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที ให้ร้อนและกรอบยกออกพักไว้เสิร์ฟกับยำอโวคาโด้

เครื่องปรุงน้ำยำอโวคาโด้

-น้ำพริกเผา 1ช้อนโต๊ะ

-น้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ

-พริกขี้หนูซอย1ช้อนโต๊ะ

-น้ำมะนาว1ช้อนโต๊ะ

-น้ำตาลปี๊บ 1ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.ในชามผสมทำน้ำยำ ใส่น้ำพริกเผา น้ำปลา พริกขี้หนูซอย น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยว หวาน เผ็ด พักไว้

เครื่องปรุงยำอโวคาโด้

-ตะไคร้ซอย 1ต้น

-มะม่วงเปรี้ยวสับ 1ลูก

-อโวคาโด้หั่นเต๋า 1 ลูก

-ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ

-มะม่วงหิมพานต์ทอด 2 ช้อนโต๊ะ

-มะพร้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

-หอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ

-น้ำยำ พอประมาณ

-ผักสลัดรวม สำหรับแต่งจาน

วิธีทำ

1.ในชามผสม ใส่ตะไคร้ซอย มะม่วงเปรี้ยวสับ อโวคาโด้หั่นเต๋า ใบมะกรูดซอย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด มะพร้าวคั่ว หอมแดงเจียว และน้ำยำที่พักไว้ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ออก เปรี้ยว เค็ม หวาน เท่ากัน

2.ตักใส่จานเสิร์ฟคู่กับปลาเส้นตราทาโร่อบกรอบรสเข้มข้น และผักสลัด

ความรู้คู่ครัว

- การเตรียมวัตถุดิบและเครื่องมือในการประกอบอาหาร ในการยำจะต้องทำอย่างไรต้องมีสูตรน้ำยำก่อน โดยการทำน้ำยำต้องแยกจากเครื่องยำ เมื่อทำน้ำยำเสร็จจึงจะเอาน้ำยำมายำกับเครื่องยำอีกทีหนึ่ง จึงจะเป็นการเตรียมการทำอาหารที่มีระเบียบและง่ายขึ้น.




ที่มา : เดลินิวส์

อ่านต่อ..

อิ่มเอม 'อาหารสเปน'



เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารทาปัส (Tapas) ให้เพื่อน ๆ ได้ทราบแล้วว่าเป็นอาหารอะไร ความจริงแล้วอาหารทาปัส ผมกินมาเป็นเวลานานมากครับ โดยเฉพาะระหว่างที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ ผมไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ผมจึงอยากเล่า ให้ฟังว่า ผมไปกินทาปัสที่ไหน มาบ้าง และจะเอาเรื่องของร้าน ที่ผมไปกินมาที่กรุงลอนดอนมาบอกเล่ากัน ซึ่งผมไปอยู่ เมื่อต้นปีนี้เป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเห็นจะได้ มีเวลาว่าง ก็จะแวะไปกินเกือบทุกวัน จนกระทั่งอ้วนท้วนสมบูรณ์





หลากรสชาติ มากความอร่อย

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารทาปัส (Tapas) ให้เพื่อน ๆ ได้ทราบแล้วว่าเป็นอาหารอะไร ความจริงแล้วอาหารทาปัส ผมกินมาเป็นเวลานานมากครับ โดยเฉพาะระหว่างที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ ผมไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ผมจึงอยากเล่า ให้ฟังว่า ผมไปกินทาปัสที่ไหน มาบ้าง และจะเอาเรื่องของร้าน ที่ผมไปกินมาที่กรุงลอนดอนมาบอกเล่ากัน ซึ่งผมไปอยู่ เมื่อต้นปีนี้เป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเห็นจะได้ มีเวลาว่าง ก็จะแวะไปกินเกือบทุกวัน จนกระทั่งอ้วนท้วนสมบูรณ์

ผมจะอธิบายให้เพื่อน ๆ ฟังอีกครั้งหนึ่งนะครับ ว่า อาหารทาปัส คือ อาหารของสเปนที่ทำมาเป็นจานเล็ก ๆ คราวนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่าผม ไปที่ลอนดอน 3-4 ครั้ง ก็แวะไปกินที่ร้านซึ่งผมจะพูด ถึง เป็นร้านเล็ก ๆ มีเคาน์เตอร์นั่งได้ 27 คนเท่านั้นเองครับ เมื่อได้ที่นั่งแล้วเราต้องนั่งรอ เขาจะเสิร์ฟอาหารทีละอย่าง ร้านนี้มีชื่อว่า บาร์ราฟีน่า (Barrafina) มีเชฟที่น่ารักมากครับ เป็นผู้หญิง เขาจะยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อเตรียมจัดอาหารให้เรา เวลาเราสั่งอะไรเขาไป

ที่ร้านนี้เมนูยาวมากเลยนะครับ เมื่อผมไปกินที่ร้านนี้แล้ว ต้องกลับไปกินอีก 4-5 ครั้งเห็นจะได้ ผมไปลอนดอนทีไรต้องไปทุกครั้ง บางครั้ง ไปกิน 1-2 ครั้งในเที่ยวหนึ่ง ผมจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับร้านนี้มาก ผมจะเล่าให้ฟังว่า ร้านนี้เป็นร้านอร่อยแต่ไม่ค่อยมีที่ นั่ง จึงต้องรีบไปยืนรอหน้าร้าน ตอนที่ผมไปเป็นช่วงหน้าหนาว อากาศหนาวมาก หิมะกำลังจะตก แต่ผมอดไม่ได้ เพราะความอยากกินผมใส่เสื้อโค้ตไปยืนรอจนตัวสั่นไปหมดเลยครับ

เมื่อเข้าไปด้านใน ก็ เริ่มสั่งอาหารจนกระทั่งฝรั่งเขา จำหน้าผมได้แล้วบอกผมว่า ผมสั่งมากเกินไปหรือเปล่า ผมตอบกลับไปว่าไม่เยอะเกินไปหรอก กินหมด ซึ่งครั้งนั้นผม ไปกับน้องชาย 2 คน แต่ว่าสั่งทีเดียว 10 อย่าง สิ่งแรกที่ผม สั่ง คือ กั้งฝรั่งอบซอสมะเขือเทศ มีน้ำมันมะกอกใส่เล็กน้อย ต้องกินด้วยมือนะครับ แล้วเราก็เอามากินกัน เขาเสิร์ฟขนมปังด้วยครับ โดยจะเสิร์ฟขนมปังกับน้ำมันมะกอกสด ๆ หอม อร่อยมากเลยครับ

เหลือบไปดูข้าง ๆ เห็นมี ไข่เจียวแบบสเปน ในกระทะเล็ก ๆ นะครับ โดยเขาจะโยนไปในเตาอบ ข้างในยัดไส้ด้วยเห็ด มีแฮม มีชีสอยู่ในนั้นครับ ผมบอกกับน้องว่า เราต้องกินกันสักจานหนึ่ง ตกลงผมสั่ง น้องผมก็เลยต้องกินตามไปด้วย อร่อยมาก ๆ เลยครับ

ยังมี นกกระทาอบ นะครับ เสิร์ฟมากับมายองเนส ที่ทำจากกระเทียม อร่อยมาก มีกระดูกที่ตะโพกกับขาเท่านั้นแต่ชิ้นเล็กมาก ๆ เขาเอาไปหมักกับเครื่องเทศ ไวน์แดง ถึงได้หอมหวนและอร่อยมาก จานต่อมาเป็น ปลาซาบะทอด ใส่น้ำมันมะกอก โรยด้วยเครื่องเทศ เกลือ กับพริกไทย แล้วนำมาวางบนสลัดมันฝรั่งครับ โดยสลัดมันฝรั่งนั้น มีเบคอนเป็นแผ่นหนา ๆ ที่ทอดกรอบเอามาวางไว้ด้านบน กินเข้าไปแล้วมีทั้งรสเค็ม เปรี้ยว หวาน มัน ครับ

อาหารจานที่ผมชอบมาก ๆ คือ ปลาตาเดียวทอด ใส่น้ำมันมะกอกและเนย ราดด้วยน้ำสลัดที่มีผักชีลาวกับมะนาวอยู่ด้วย กินแบบนั้นเลยครับ ไม่ต้องกินกับข้าว ไม่ต้องกินกับอะไรเลย อร่อยเหลือเกิน ตามมาด้วย ปลาสแนป เปอร์ทอดเสิร์ฟกับสตูผัก จานนี้ยิ่งดีใหญ่เลยครับ น้อง ผมก็กินปลา ผมชอบสตูผัก เพราะว่าสตูผักอร่อยมาก มี ผัดผักเสิร์ฟกับผักโขมผัด มีเบคอนชิ้นหนา ๆ มีพริกทอดคล้าย ๆ ชิโชโมะของญี่ปุ่น เอาไปทอดหรือย่างก็ไม่ทราบ ผมคิดว่าน่าจะทอดแล้วก็โรยด้วยเกลือสมุทรนะครับ

มี สตูน่องแกะ มี สตูผัก เสิร์ฟกับไข่ดาว ไข่ดาวหน้าตาเหมือนไข่ดาวไทย เขาใช้ไข่เป็ดด้วยนะครับ มี หมูแฮมพิเศษจากสเปน ซึ่งเป็นหมูแฮมที่เขาเฉือนแล้วก็แล่ อยู่ตรงนั้นเลย ราคาแพงมากครับ แล้วยังมี หอยมีดโกนฝรั่งอบเนย หอยแมลงภู่ลวกกับไวน์และเนย มี กุ้งทอด ขาหมูแฮม ที่อยู่ในเครื่องสำหรับหั่น มี เนื้อกวางอบกับผักเปรี้ยวหวาน วันนั้นไม่รู้ผม จะพูดว่าอย่างไร ผมกินเข้าไปแล้ว ต้องบอกว่าเกือบตายครับ เพราะอาหารอร่อยเหลือเกิน ผมจึงกินเข้าไปมาก

อย่าลืมไปลองเบียร์ของ สเปนที่ร้านนี้ด้วยนะครับ แล้วก็ต้องลอง ปลาแองโชวี่ย่าง ที่เขาเอาปลาสด ๆ ไปย่าง มาให้เรากิน รวมทั้งยังมีอาหารอีกหลายอย่าง แต่ว่าเราต้องพูดคุยกับเขานะครับเมื่อเราไปถึงว่าวันนี้อาหารพิเศษมีอะไรบ้าง ซึ่งที่ผมสั่ง คือ อาหารพิเศษทั้งนั้นเลยนะครับ เพราะว่าเขาจะมีบอกว่าวันนี้มีอะไรสดบ้าง เช่น มีปลาสด มีกุ้งสด

กินอาหารที่ร้านนี้แล้วคุ้มนะครับ อร่อยครับ ผมคิดว่าถ้าเทียบกับมาตรฐานของ อังกฤษ ราคาอาหารของที่ร้าน นี้ก็ไม่แพงมากนัก อยู่ที่เรา จะกินมากหรือกินน้อยเท่านั้น ไปกันเป็นคู่จะดีมากครับจะได้ช่วยกันแชร์ ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสได้ไปที่ลอนดอนอย่าลืมแวะไปทานอาหารที่ร้านนี้ดู อร่อยจริง ๆ ครับ.

ที่อยู่ : 54 ฟริธ สตรีท โซโห ลอนดอน, W1D 4SL
เบอร์โทรศัพท์ : +44 (0) 207-813-8016
เวลาเปิด : วันจันทร์-วันศุกร์
12.00-15.00 น. และ 17.00-23.00 น.
วันอาทิตย์ 13.00-15.30 น. และ 17.30-22.30 น.
เว็บไซต์ : www.barrafina.co.uk
อีเมล : info@barrafina.co.uk

เข้าครัวกับหมึกแดง : กุ้งนึ่งเต้าซี่ทรงเครื่อง

เครื่องปรุง

- กุ้งก้ามกรามผ่าหลัง 5 ตัว เอาไส้ดำออก

วิธีทำ

1.ในภาชนะที่เข้าไมโครเวฟได้ ใส่กุ้ง ก้ามกรามที่เตรียมไว้ แล้วปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร

2.นำเข้าไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที แล้วกดปุ่มสตาร์ท

3.พอสุก ตักใส่จานเสิร์ฟ พักไว้

เครื่องปรุงเต้าซี่ทรงเครื่อง
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- เต้าซี่แช่น้ำ 2-3 น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
- หมูสับ 100 กรัม
- เต้าหู้นิ่มหั่นเต๋าเล็ก 100 กรัม
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- ผงปรุงรส รสหมู 1 ช้อนชา
- แป้งมันผสมน้ำ พอประมาณ
- เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดฟางหั่นเต๋า 50 กรัม
- พริกไทย สำหรับแต่งหน้า

วิธีทำ

1.นำกระทะตั้งไฟ พอร้อนใส่น้ำมันพืช ขิงสับ กระเทียมสับ เต้าซี่ ผัดพอหอม ใส่หมูสับลงผัดพอสุก แล้วใส่เห็ดฟาง และเต้าหู้หั่นเต๋า เหล้าจีน ผัดให้เข้ากัน
2.เติมน้ำเปล่า แล้วเร่งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ผงปรุงรส รสหมู คนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออก เค็ม หวาน แล้วเติมแป้งมันผสมน้ำลงผัด คนให้เข้ากัน จนกระทั่งตัวซอสข้น
3.ตักซอสที่ได้ราดบนกุ้งที่เตรียมไว้ แล้วแต่งหน้าด้วยพริกไทย เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อน ๆ.





ที่มา : เดลินิวส์

อ่านต่อ..

สกัดน้ำผลไม้ดื่มล้างพิษลำไส้







เมนูเครื่องดื่มที่ ‘กินดี’ นำมาฝากผู้อ่านเดลินิวส์ออนไลน์วันนี้ เป็นเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ 3 ชนิด อันได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ ลูกพีชหรือลูกท้อ และแอปเปิ้ลแดง แถมยังมีน้ำแร่รวมอยู่ในส่วนผสม การันตีว่าดื่มแก้วนี้แล้วจะได้ล้างพิษในลำไส้ แถมยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่

สำหรับ ‘สตรอว์เบอร์รี่’ ผลไม้ขวัญใจสาว ๆ อุดมไปด้วยแคลเซียม คลอรีน โซเดียม กำมะถัน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี กรดโฟลิก และไบโอติก เป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย ล้างพิษให้ร่างกายสะอาด ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้อง บำรุงเลือดและผิวพรรณ แถมยังบรรเทาอาการไอ ขับปัสสาวะได้ดี

มาที่ ‘ลูกพีช’ เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี กรดโฟลิก เบตาแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม มักรวมอยู่ที่บริเวณเปลือก ดังนั้น การนำลูกพีชมาทำเป็นเครื่องดื่ม หลังจากล้างจนสะอาดแล้วให้คว้านเพียงเมล็ดออก รับประทานลูกพีชหรือดื่มน้ำจากลูกพีชจะช่วยทำความสะอาดลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่

ส่วน ‘แอปเปิ้ล’ มีเบตาแคโรทีน วิตามินซี และไฟโตเคมิคอล เควอเซติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิก กรดแทนนิก รวมทั้งเส้นใยเพ็กตินที่มีอยู่มากบริเวณแกนผลแอปเปิ้ล ทำหน้าที่ชะล้างลำไส้เล็กอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดกระเพาะอาหารและสำไส้ พิษที่ถูกสารอาหารในแอปเปิ้ลชะล้างจะถูกขับออกมาทางกระแสเลือดแล้วจึงปล่อยออกสู่อวัยวะที่มีหน้าที่ขับถ่าย นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยลดความเครียด ล้างพิษในไตและตับ

และ ‘น้ำแร่’ จะมีแร่ธาตุตามธรรมชาติผสมอยู่หลายชนิดแตกต่างกันตามแหล่งน้ำ โดยเกลือซัลเฟตของโซเดียม หรือแมนีเซียม ที่มีอยู่น้ำแร่เป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย เป็นยาระบาย

หากต้องการดื่มให้ร่างกายได้ประโยชน์ ควรเตรียมส่วนผสมให้ได้สัดส่วนดังต่อไปนี้

สตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
ลูกพีช 1 ถ้วย
แอปเปิ้ลแดง 1 ถว้ย
น้ำแร่ 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

วิธีปรุง เริ่มด้วยการทำความสะอาดผลไม้ทั้ง 3 ชนิด จากนั้นให้หั่นสตรอว์เบอร์รี่และลูกพีชเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยแอปเปิ้ลหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำผลไม้ทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ไผลไม้ เติมน้ำแร่ลงไปในน้ำที่สกัดได้ คนให้เข้ากัน เติมน้ำแข็งป่นเล็กน้อยดื่มได้ทันที

ปรุงดื่มสม่ำเสมอ รับรองลำไส้ของคุณจะไม่ใช่ที่โปรดปรานของมะเร็งร้าย

ที่มา : เดลินิวส์

อ่านต่อ..